[รีวิวซีรีส์] MASK GIRL สตรีมเมอร์หุ่นแซ่บพาตัวเองเข้าไปพัวพัน กับฆาตกรรมอำพรางและนำไปสู่การแก้แค้นอย่างไม่มีวันจบสิ้น

y.nn สิงหาคม 22, 2566

สำหรับใครที่เป็นแฟนเว็บตูนเรียกได้ว่าก็สมการรอคอยจริงๆ สำหรับซีรีส์เกาหลีจากเว็บตูน ที่มีทั้งหมด 128 ตอน โดยเนื้อเรื่องทุกอย่างถูกรวมเข้าในซีรีส์ทั้งหมด 7 ตอนมินิซีรีส์ใหม่ของ Netflix

ชื่อเรื่อง : Mask Girl마스크걸 | ma-seu-keu-geol
แนวซีรีส์ : ตื่นเต้น ดราม่า ระทึกขวัญ ตลกร้าย
เรตผู้รับชมซีรีส์ : 16+
ผู้กำกับ : คิมยงฮุน (ชาย, Kim Yong-hoon) ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่อง Beasts Clawing at Straws (2019) ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา ซึ่งชนะรางวัล Special Jury Award จากงาน International Film Festival Rotterdam ครั้งที่ 49
ผู้เขียนบท : คิมยงฮุน (ชาย, Kim Yong-hoon) ผลงานเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง Beasts Clawing at Straws (2019)
ดัดแปลงจากเว็บตูนเรื่อง : Mask Girl
ผู้แต่งเรื่อง : เมมี
ผู้วาดภาพ : ฮีเซ
ผู้ผลิต : House of Impression และ Bon Factory
ออกอากาศในไทย พร้อมกับทั่วโลกทาง : Netflix ทั้งพากย์ไทย และซับไทย
จำนวนตอนออกอากาศ : 7 ตอนจบ ตอนละ 65 นาที (โดยประมาณ)
วันเวลาออกอากาศ : วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม 2566

เรื่องย่อซีรีส์ Mask Girl

เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ คิมโมมี(รับบทโดย อีฮันบยอล) พนักงานบัญชีออฟฟิศวัย 27 ปี ที่ตอนกลางวันเป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาที่ไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเอง จนเธอได้พบทางสว่างสนองความต้องการที่อยากเฉิดฉายในแสงสี ในตอนกลางคืนแปลงโฉมเป็นเป็นไลฟ์สตรีมเมอร์หุ่นแซ่บที่ปกปิดใบหน้าไว้ใต้หน้ากากในชื่อ มาสก์เกิร์ล (Mask Girl) คือการได้เฉิดฉายท่ามกลางแสงสี ซึ่งสถานะ มาสก์เกิร์ล เปิดโอกาสให้เธอได้เป็นสมดั่งปรารถนา มันเป็นสิ่งที่ คิมโมมี ต้องการมาตลอดชีวิต ซึ่งจะให้ใครล่วงรู้ความลับนี้ไม่ได้ แต่เธอจะปกปิดความลับนี้ได้นานแค่ไหน ชื่อของสตรีมเมอร์สาว มาสก์เกิร์ล ฮ็อตสุดๆ ในหมู่ผู้ชาย หนึ่งในนั้นคือ จูโอนัม (รับบทโดย อันแจฮง) หนุ่มเนิร์ดที่มีบุคลิกสุดแสนจะสามัญ เขาเป็นเพื่อนร่วมงานในทีมเดียวกับคิมโมมี ซึ่งแอบหลงรักมาสก์เกิร์ลชนิดที่ไม่ยอมโงหัวขึ้นเลยทีเดียว และด้วยทักษะการเต้นที่ยอดเยี่ยมเพราะฝึกฝนอย่างมุ่งมั่นจะเป็นไอดอลมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอยิ่งร้อนแรงเซ็กซี่ขยี้ใจชาย นอกจากจะมีท่าเต้นยั่วยวนขายหน้าอกหน้าใจสุดสะบึมชวนหนุ่มๆ ให้ปาหัวใจให้แล้ว เธอยังต้องคิดสารพัดเกมมาเล่นกับคนดู เมาท์มอยเป็นประจำทุกค่ำคืน คิมโมมีจึงหอบหน้าตาอันทรุดโทรมเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืนไปทำงานทุกวัน จนกระทั่งถูก ยูซังซุน (รับบทโดย คิมกาฮี) สาวฮิปสเตอร์เพื่อนซี้ในออฟฟิศเริ่มทัก ยาใจที่ทำให้เธอไม่เคยเหนื่อยและทดท้อในการทำงานแต่ละวัน ที่มักถูกผู้ชายปากเปราะนำไปเปรียบเทียบกับ อีอารึม (รับบทโดย พัคจองฮวา) พนักงานสาวสวยเอาใจเก่งโดยเฉพาะผู้ชาย ความอัปยศในออฟฟิศที่เธอกับซังซุนมอบฉายาให้ นั่นก็คือ พัคกีฮุน (รับบทโดย ชเวแดเนี่ยล) หรือหัวหน้าพัค ผู้รูปงาม ขยันทำงานขั้นสุด และทำงานเก่งจนถูกเลื่อนขั้นชนิดติดจรวด
หนุ่มหล่อผู้มีคุณสมบัติเพียบพร้อมเว่อร์ๆ คนนี้ มีตำหนิเพียงอย่างเดียวคือเขามีเมียแล้ว และถึงจะถูกเขาตำหนิเรื่องงาน ด่าทออย่างรุนแรงให้อับอายต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน แต่โมมีไม่เคยถือสา
สำหรับชีวิตของ คิมคยองจา (รับบทโดย ยอมฮเยรัน) ไม่เคยง่ายเลยสักอย่าง ทั้งความยากจนข้นแค้น การถูกทรยศ และโดยเฉพาะชีวิตครอบครัวที่พังทลายลง เมื่อเกิดโศกนาฏกรรมกับ จูโอนัม ลูกชายที่เธอรักที่สุด เธอจึงตัดสินใจที่จะสะสางปัญหานี้ด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันโมมีก็ได้พาตัวเองเข้าไปพัวพัน กับเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ไม่คาดฝัน โดยมีผู้หญิงอีกสองคนที่ชื่อ คิมโมมี (รับบทโดย โกฮยอนจอง) และ คิมโมมี (รับบทโดย นานะ) เข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้หญิง 3 คน ที่มีชื่อเหมือนกัน สร้างเรื่องราวพลิกผันมากมายอย่างคาดไม่ถึง โชคชะตาชีวิตเธอก็เล่นตลกให้ต้องไปเกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมเปื้อนเลือดจนได้

บทบาทนักแสดง

• อีฮันบยอล (Lee Han Byeol) รับบทเป็น คิมโมมี

หญิงสาวออฟฟิศหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ แต่หุ่นและรูปร่างฟ้าประทาน แถมมีหน้าอกงดงามทรงสะบึม ตั้งแต่เล็กจนโตเธอมีความฝันที่อยากจะเฉิดฉายเป็นดาราที่ใครๆ ก็หลงรัก เธอแอบชอบหัวหน้างานเข้าอย่างจัง แต่ว่าหัวหน้างานแอบกิ๊กกับสาวอื่นอยู่เลยเป็นสิ่งที่น่าปวดใจนัก เพอตกยามค่ำคืนเธอจึงแปลงโฉมเป็น BJ Mask Girl สตรีมเมอร์สาวและเน็ตไอดอลเจ้าของรูปร่างสุดเซ็กซี่ ด้วยทักษะการเต้นที่ฝึกฝนมาตั้งแต่เป็นเด็กเธอยิ่งร้อนแรงขยี้ใจชาย ในยามค่ำคืนเธอมีความสุขและเพลิดเพลินกับการได้พูดคุย ได้เป็นตัวของตัวเองผ่านการไลฟ์สดที่อยู่ภายใต้หน้ากาก ซึ่งจะให้ใครรู้ตัวจริงของเธอไม่ได้เด็ดขาด

นานะ(임진아 , Im Jin-A)รับบทเป็น คิมโมมี (อีกคนหนึ่งหลังจากศัลยกรรมแล้ว)

สาวสวยเสน่ห์แรง ขวัญใจหนุ่มๆ หลังจากที่เธอเป็น Mask Girl และได้เข้าไปพัวพันกับการฆาตกรรม เธอก็เปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ด้วยการศัลยกรรมทั้งหน้า เปลี่ยนเป็นอีกคนไปเลย เธอเริ่มจากการทำงานในบาร์แห่งหนึ่ง ด้วยความสามารถที่ครบครันของเธอ ไม่ว่าจะเป็นการเต้นที่เป๊ะปังและได้พัฒนาทักษะการพูดคุยกับคนอื่นมากยิ่งขึ้น จึงทำให้เธอมีเสน่ห์เพิ่มมากขึ้นจากแต่ก่อน

โกฮยอนจอง(Go Hyun-jung , 고현정)(คิมโมมีอีกคน ตอนเริ่มมีอายุ และอยู่ในคุก)

นักโทษสาวใหญ่ ติดคุกด้วยข้อหาร้ายแรง หลังจากเธอต้องโทษและเข้าไปอยู่ในคุกหลายปี เธอใช้ชีวิตอย่างคนบาป เพื่อชดใช้ความผิดที่เคยก่ออาชญากรรมมามากมาย คิมโมมีเวอร์ชั่นนี้เริ่มเข้าใจโลก และมีชีวิตอยู่โดยสิ้นไร้ความปรารถนาใดใดแล้ว แต่เธอต้องลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง เพราะมีใครบางคนกำลังเปิดเกมแก้แค้นเธอและลูกสาวของเธอ

• อันแจฮง รับบทเป็น จูโอนัม

หนุ่มเนิร์ดที่มีภาพลักษณ์สุดแสนจะสามัญ เป็นผู้ชายที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศเดียวกันกับคิมโมมีเป็นเพื่อนร่วมงานของคิมโมมี เขาเป็นแฟนคลับตัวยงของ Mask Girl ซึ่งแอบหลงรักมาสก์เกิร์ลชนิดที่ไม่ยอมโงหัวขึ้นเลยทีเดียว เขาใช้ชื่อเวลาเข้าร่วมในสตรีมมิ่งของมาสก์เกิร์ลว่า “ชาติก่อนเป็นวอนบิน” และจะคอยปกป้องเธอเสมอเมื่อมีคอนเมนต์แย่ๆ ว่าใต้หน้ากากต้องขี้เหร่แน่นอน ด้วยความที่ถูกบูลลี่มาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาชื่นชอบการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเพียงลำพัง เขาล่วงรู้ความลับของคิมโมมี และเข้าไปเกี่ยวพับกับเหตุการณ์การเสียชีวิตของใครบางคน เบื้องหลังของเขาช่างไม่ธรรมดาบอกเลย

• ยอมฮเยรัน รับบทเป็น คิมคยองจา

แม่ของจูโอนัม ที่ลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรมให้ลูกชายที่เธอรักสุดหัวใจ เธอเลี้ยงลูกชายหัวแก้วหัวแหวน มาด้วยตัวคนเดียวเพียงลำพัง ต่อสู้ดิ้นรนกับชีวิต ทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินมาส่งเสียเลี้ยงดูลูก แต่เมื่อลูกโตขึ้นกลับย้ายออกจากบ้านไปอยู่คนเดียว เมื่อลูกชายหายตัวไป เธอจึงออกตามหาลูกชายด้วยตัวเอง

รีวิว

พล็อตเรื่องน่าดู นำเรื่องหน้าตามานำเสนอผ่าน Mask Girl จาก Webtoon จนนำมาสร้างเป็นซีรีส์ Mask Girl Netflix ออกมาเป็นซีรีส์ 7 ตอน ผสมผสานความดาร์กลึกลับ ระทึกขวัญ และการล้างแค้นออกมาได้ลงตัว สนุกครบรส! ตลก เศร้า ดราม่า ระทึกขวัญ ร้องไห้น้ำตาแตก มันคือเรื่องราวแบบดาร์กคอมเมดี้สนุก ๆ ปนเปไปด้วยมนุษย์ที่มีความป่วยทางจิตหลายรูปแบบที่อยู่ปะปนกัน และทุกตัวละครอย่างกับถอดแบบมาจากในเว็บตูนเลยก็ว่าได้ แคสต์นักแสดงออกมาได้ดีมากถึงมากที่สุด ลีฮันบยอล ที่รับบทบาทเป็นคิมโมมีช่วงก่อนศัลยกรรมคือเหมือนในเว็บตูนมากเลยค่ะ และช่วงอีพีหลังๆ การเล่าเรื่อง ความหักมุมความดาร์ก คือมาแบบรัวๆ ทำให้ไม่ทันได้ตั้งตัว เรียกได้ว่าทำเอาคนดูเครียดกันได้เลยทีเดียว ดวยความที่ทำออกมาเป็นซีรีส์เลยดูเล่าแบบรวบรัดมากกว่าตัวต้นฉบับ ตอนจบของเรื่องนี้คลายทุกปมปัญหา เรียกว่าจบสิ้นการแก้แค้นที่ยาวนานนี้ลงได้อย่างงดงาม เรียกได้ว่าน่าจะเป็นหนึ่งในซีรีส์สยองขวัญที่ดีที่สุดในเกาหลีในปีนี้